Labels

จำนวนผู้เข้าชม

วันจันทร์ที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

โครงการพัฒนาสังคมและชุมชน



1. ชื่อโครงการ  การจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาสังคมและชุมชน (การทำขนมเทียน)
2. สอดคล้องกับ นโยบาย/มาตรฐาน/ตัวบ่งชี้ที่ 2 สอดคล้องกับนโยบายจุดเน้นการดำเนินงาน ของสำนักงาน กศน.นโยบายต่อเนื่อง ที่1) การศึกษานอกระบบ 2 ) มุ่งจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาสังคมและชุมชนให้กับกลุ่มเป้าหมายผู้พิการและประชาชนทั่วไป โดยจัดกิจกรรมการศึกษาที่มุ่งเน้นให้กลุ่มเป้าหมายมีความรู้ความสามารถในการจัดการชีวิตของตนเองให้อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข รวมทั้งการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ต่อตนเอง  ครอบครัว และชุมชน
3. หลักการและเหตุผล
          ขนมเทียนจัดเป็นอาหารที่คู่สำรับกับข้าวไทยมาตั้งแต่ครั้งโบราณโดยใช้คำว่าสำรับกับข้าวคาวหวาน โดยทั่วไปประชาชนจะทำขนมเฉพาะในงานเลี้ยง  นับตั้งแต่การทำบุญเลี้ยงพระ  งานมงคลและงานพิธีการ อาหารหวานที่จัดเป็นสำรับจะต้องประกอบด้วย  ของหวานอย่างน้อย 5 สิ่ง   ซึ่งต้องเลือกให้มีรสชาติ สีสันชนิด   ตลอดจนลักษณะที่กลมกลืนกัน แต่ละสำรับจะต้องมีผลไม้ 10 ที่ และขนมเป็นน้ำ 1 ที่เสมอขนมไทย   เป็นเอกลักษณ์ด้านวัฒนธรรมประจำชาติไทยอย่างหนึ่งที่เป็นที่รู้จักกันดี  เพราะเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความละเอียดอ่อนประณีตในการทำ  ตั้งแต่วัตถุดิบ  วิธีการทำ ที่กลมกลืน พิถีพิถัน    ในเรื่องรสชาติ สีสันความสวยงาม กลิ่นหอม   รูปลักษณะชวนรับประทาน ตลอดจนกรรมวิธีการรับประทาน   ขนมแต่ละชนิด ซึ่งยังแตกต่างกันไปตามลักษณะของขนมชนิดนั้น ๆ ขนมไทยที่นิยมทำกันทุก ๆภาคของประเทศขนมเทียนก็เป็นขนมไทยโบราณที่มีรสชาติหวาน นุ่มกลมกล่อม เคี้ยวนุ่มลิ้น แถมมีความหอมของกลิ่นมะพร้าวกรุ่นกลั้วปาก ซึ่งถ้าสังเกตดูตามงานมงคลแล้ว เราจะเห็นว่าขนมเทียนเป็นหนึ่งในขนมที่อยู่ในของไหว้ด้วย และวันนี้เราจะพามาดูประวัติขนมเทียนกัน จะได้รู้ว่าทำไมขนมเทียนแสนอร่อยนี้ ถึงโผล่ไปอยู่ในงานมงคลให้เราได้เห็นอยู่ตลอด     ขนมเทียนเป็นขนมโบราณตั้งแต่สมัยสุโขทัย นำเข้ามาพร้อมกับศาสนาพราหมณ์ และลัทธิความเชื่อในเรื่องของเทพเจ้า ซึ่งในสมัยนั้นขนมเทียนจะถูกนำไปใช้ในพิธีบวงสรวง สังเวย ไหว้ครู และเป็นขนมไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ด้วยเหตุที่มีความเชื่อกันว่า ขนมเทียนเป็นขนมที่องค์พระพิฆเนศวรทรงโปรดมากที่สุด ถึงขนาดที่กินจนท้องแตกก็ยังกอบเอาขนมที่หกเลอะอยู่ที่พื้นกลับเขาท้องอีกครั้งด้วยความเสียดาย ขนมเทียนจึงเหมือนเป็นขนมที่ใช้ถวายต่อองค์พระพิฆเนศวร เพื่อขอพรจากพระองค์ท่าน ให้ทำกิจการงานต่าง ๆ ประสบผลสำเร็จ ไม่มีอุปสรรคอะไรมากีดขวางนั่นเอง
ขนมเทียน มีลักษณะเป็นแป้งลูกกลม ๆ ข้างในมีไส้ที่ทำด้วยมะพร้าวเคี่ยวกับน้ำตาล แล้วนำไปนึ่งให้สุก กับไส้มะพร้าวหวานลิ้นหรือไส้เค็ม หอมหวนชวนกินส่วนขนมเทียนนั้น ก็ถือเป็นเป็นขนมไหว้เจ้าอีกชนิดหนึ่ง ก็มีต้นกำเนิดมาจากการดัดแปลงขนมเข่งเช่นกัน โดยใช้แป้งข้าวเหนียวมากวน และใส่ไส้ถั่วบด ผสมกับเครื่องปรุง กลายเป็นไส้เค็ม หรือไส้เค็มจากนั้นห่อด้วยใบตองเป็นรูปสามเหลี่ยมเล็ก ๆ คล้ายทรงเจดีย์ แล้วนำไปนึ่งจนสุก
นอกจากชื่อขนมเทียนแล้ว บางคนก็นิยมเรียกว่า ขนมนมสาว และชาวภาคเหนือก็นิยมเรียกว่า  ขนมจ็อกอีกด้วย ซึ่งโดยส่วนมากแล้วขนมเทียนจะนิยมใช้เป็นขนมในงานบุญวันสงกรานต์ และชาวจีนก็นำไปใช้ในงานวันตรุษจีนด้วยเช่นกัน ดังนั้นเป็นขนมที่ทำจากแป้งกวนกับน้ำตาล แล้วนำไปนึ่งเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งที่ต้องเป็นขนมแป้งนึ่งก็เนื่องจากว่า ทั้งขนมเทียนและขนมเข่ง ต่างก็มีความหมายเป็นมงคล สื่อถึงความหวานชื่น ความราบรื่น และความอุดมสมบูรณ์



4. วัตถุประสงค์
         1. เพื่อให้ผู้เรียนได้รับความรู้เกี่ยวกับขนมไทย
         2. เพื่อเป็นการเผยแพร่ให้คนรุ่นใหม่รู้จักขนมไทย
         3. เพื่อคงไว้ซึ่งความเป็นเอกลักษณ์ไทย

5. เป้าหมาย 
เชิงปริมาณ 
          - นักศึกษาผู้พิการและประชาชนทั่วไป  จำนวน 20 คน
เชิงคุณภาพ
          - ร้อยละ 80 ของผู้รับบริการ สามารถทำขนมไทยได้ถูกต้องตามขั้นตอน
6. วิธีดำเนินการ
กิจกรรมหลัก
วัตถุประสงค์
กลุ่มเป้าหมาย
เป้าหมาย
พื้นทีดำเนินการ
ระยะเวลา
งบประมาณ
1.สำรวจความต้องการอาชีพ
1.เพื่อทราบความต้องการในการฝึกอาชีพ
นักศึกษาผู้พิการและประชาชนในพื้นที่ตำบลหลวงใต้
หลวงเหนือ
20 คน
บ้านวังควาย ม.6
ตำบลหลวงใต้
เมษายน
-
2.ให้ความรู้และวิธีการทำขนมเทียน
1.เพื่อให้ผู้เรียนได้รับความรู้เกี่ยวกับการทำขมเทียน
2.เพื่อให้ผู้เรียนสามารถทำขนมไทยได้ถูกต้องตามขั้นตอน
นักศึกษาผู้พิการและประชาชนในพื้นที่ตำบลหลวงใต้
หลวงเหนือ

20 คน
บ้านวังควาย ม.6
ตำบลหลวงใต้
กรกฎาคม
-
3.การวัดผลและประเมินผล
ติดตามผลประเมินผลความสำเร็จของการจัดกิจกรรม
นักศึกษาผู้พิการและประชาชนในพื้นที่ตำบลหลวงใต้
หลวงเหนือ

20 คน
บ้านวังควาย ม.6
ตำบลหลวงใต้
กรกฎาคม
-

7. เงินงบประมาณทั้งโครงการ
-
8. แผนการใช้จ่ายงบประมาณ
-
9. ผู้รับผิดชอบโครงการ
2.นางสาวปราณี  กสิกรรุ่งเรือง

10. เครือข่าย
          - กศน.ตำบลหลวงใต้
11. โครงการที่เกี่ยวข้อง
          -
12. ผลลัพธ์ (Outcome)
          ผู้รับบริการที่ได้รับการฝึกอาชีพ สามารถนำความรู้ไปใช้ในการประกอบอาชีพ หรือเป็นอาชีพเสริมให้กับครอบครัวได้
13. ดัชนีวัดผลสำเร็จของโครงการ
          13.1 ตัวชี้วัดผลผลิต (Output)
           - เชิงปริมาณ              จำนวนผู้รับบริการ 20 คน
           - เชิงคุณภาพ             ผู้พิการและประชาชนที่ได้เข้ารับบริการฝึกอาชีพมีความรู้สามารถนำไปใช้
                                          ในการประกอบอาชีพ หรือเป็นอาชีพเสริมให้กับครอบครัวได้

          13.2 ตัวชี้วัดผลลัพธ์ (Outcome)
                   1. ผู้เข้ารับการฝึกอาชีพมีความพึงพอใจต่อการฝึกอาชีพตามที่ตนเองต้องการ
                   2. ผู้เข้ารับการฝึกอาชีพสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปประกอบอาชีพ หรืออาชีพเสริมต่อไป
                      ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น
14. การติดตามและประเมินผลโครงการ
          1. ติดตามจากการสุ่มตรวจและนิเทศ
          2. ติดตามจากประชาชน ที่เข้าร่วมกิจกรรมฝึกอาชีพนำไปใช้ประโยชน์


                                      


                                              ลงชื่อ....................................................ผู้เสนอโครงการ
                                                      (นางสาวปราณี  กสิกรรุ่งเรือง)
   ครูผู้สอนคนพิการ


ลงชื่อ....................................................ผู้เห็นชอบโครงการ
                                                         (นายประจวบ    จำปาวัน)
                                              หัวหน้างานการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาสังคมและชุมชน


 ลงชื่อ....................................................ผู้เห็นชอบโครงการ
                                                            (นางนงนุช   ถาวรวงศ์)
      ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภองาว


0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

แปลภาษา